เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ ต.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วิทยาศาสตร์มันจะเจริญขนาดไหนมันก็เป็นเรื่องของคนคิดนะ เวลาธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่โดยดั้งเดิม เวลามีอยู่โดยดั้งเดิมมันละเอียดอ่อนไง อย่างเช่นทองคำ เช่น แร่ธาตุต่างๆ ในแผ่นดินนี้มันมีอยู่นะ ใครจะไปเจอสายแร่ ใครขอสัมปทานได้ แล้วใครไปขุดได้ สิ่งนี้มันมีอยู่แล้ว สิ่งที่มีอยู่แล้วเราเข้าไปหามัน เราใช้ประโยชน์มัน

แต่ถ้าไม่ถึงคราว อย่างเช่น ถ้าสิ่งนั้นยังไม่มีค่า โลกเขาไม่ยอมรับ สิ่งนั้นไม่มีคุณค่า เราขุดมาแล้วจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เห็นไหม เราเองต่างหากนะมีอำนาจวาสนา เราเป็นเจ้าของพื้นที่ เรามีทองคำอยู่ แต่ถ้าทองคำนี้มันมีมากจนเหมือนกับเป็นแร่ธาตุอย่างอื่น มันจะไม่มีคุณค่าเลย ถ้าถึงคราวคราวนั้นมันก็ไม่มีคุณค่า แต่ถ้าถึงคราวที่มีคุณค่าขึ้นมา โลกเขายอมรับขึ้นมา มันเป็นคุณค่า มันอยู่ที่อำนาจวาสนาของคนคนนั้นไง

วาสนา คือการทำบุญกุศลอยู่ที่โอกาส บางคนคิดทางวิทยาศาสตร์ คิดอะไรได้ ซื้อสินค้าได้ แต่ทำออกมาขายไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่ามันทำออกมาขายแล้วโลกเขายังไม่ยอมรับ ยังไม่ถึงกาลเวลา เห็นไหม อำนาจวาสนานี้คือกรรมไง ถ้ากรรม ของมันมีอยู่ แต่เรามีอยู่นี่ไม่มีประโยชน์เลย พอหลุดจากมือเราไป ดูทำไมเขาเล่นกันได้ เหล็กไหลนี่ ก้อนเล็กๆ นี่หลายร้อยล้านหลายพันล้าน กระเบื้องเป็นพระที่เราเอามาปลุกเสกกัน ทำไมกระเบื้องชิ้นเดียว ๗๐ ล้าน ๘๐ ล้าน แต่ถ้าไม่มีคน คนนี้ไม่มีคุณค่าหนึ่ง

สอง ถ้าเราไม่รู้เรื่องของมัน เราไม่เข้าใจมัน

เหมือนกับเรานี่ เราเผลอ เรากำเงินไว้แล้วเราคิดว่าเศษกระดาษ เราปาทิ้ง มีนะ คนเผลอขนาดนั้นนะ กำเงินไว้แล้วเข้าใจว่าเศษกระดาษ ปาทิ้งไป นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นพวกกระเบื้อง เป็นพวกที่สิ่งที่ว่าเขาเป็นพระเป็นอะไร สิ่งนั้นถ้าคนไม่เข้าใจ คนไม่มีคุณค่า ไม่มีคุณค่าเลย แต่ถ้าคนเขาเล่น เขาตีกันที ๗๐ ล้าน ๘๐ ล้าน มีคุณค่ามากเลย มีคุณค่าเพราะเขายึดไง นี่คือสมมุติ

โลกสมมุติเป็นแบบนั้น ดูสิสมมุติยึดติดแล้ว คุณค่าขนาดนั้น แต่สำหรับเรานะ เงิน ๗๐ ล้าน ๘๐ ล้าน เอามาทำประโยชน์อย่างอื่นได้มหาศาลเลย แต่ทีนี้ว่ามันเป็นความยึดติดของใจ แล้วใจยึดติด เขาปั่นกันนะ ทุกวงการเขาจะมีปั่นกัน มีการกีดกันกัน มีการทำลายกัน ทุกวงการจะมีการทำลายกัน

นี่ก็เหมือนกัน เราเป็นชาวพุทธ เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเชื่อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเนื้อนาบุญของโลก เราเข้าใจว่านี้เป็นเนื้อนาบุญของโลกไง ครูบาอาจารย์ของเราปฏิบัติมาจนถึงที่สุดแห่งความทุกข์ไง แล้วเราเอาสิ่งนี้มาเป็นคุณประโยชน์ เห็นไหม เราทำบุญกุศล เนื้อนาบุญของโลกไง อาศัยร่างกายสรีระของท่านเป็นบุญกุศล เราจะสร้างบุญกุศลของเราขึ้นมา สร้างบุญกุศลนะ แต่เวลาคนเข้าไปตักตวงผลประโยชน์ เอาทุกอย่างนะ เอาทั้งเงิน เอาทั้งทอง เอาทั้งเกียรติยศ เอาทั้งหน้า เอาทั้งตา เอาทุกอย่างเลย แล้วสิ่งนี้ว่าเวลาการทำเพื่อประพฤติปฏิบัติ เพื่อชำระกิเลส เพื่อชำระกิเลสให้มีความสุข เห็นไหม สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่ว่าเป็นเรื่องหยาบๆ นะ

เราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ กับหลวงตามหาบัว ท่านคุยกันที่วัดภูริทัตตะฯ ตอนศพหลวงปู่แหวน เรานั่งฟังอยู่นะ ว่าศพหลวงปู่แหวนทำไมมันวุ่นวายขนาดนั้น ทำไมมันเป็นขนาดนั้น นี่วุ่นวายมาก สิ่งที่วุ่นวายมาก หลวงตาท่านบอกว่า สิ่งที่ว่าเป็นเรื่องของโลกเขา ผู้ที่เราทำบุญกุศล ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งทุกข์นี่หาได้อยากมาก แล้วเราเป็นคฤหัสถ์ เราเป็นผู้ที่หวังบุญกุศล เราได้ไปสละทานกับสิ่งนั้น มันจะเป็นบุญกุศลของเราไง

เราได้สละทานกับท่านหนึ่ง

เราได้ร่วมบุญกุศลกับร่างกายของท่านหนึ่ง

เอาร่างกายของท่าน เอาเศษ คือว่าเอาธาตุของท่าน เอาธาตุของท่านมาเป็นบุญกุศลของเรา ถ้าเป็นบุญกุศล นี่มันเป็นบุญกุศลของพวกคฤหัสถ์พวกที่เขาทำกัน แต่ในเมื่อผู้ที่เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติใจมันต้องสูงกว่านั้นสิ สิ่งนี้เป็นครูบาอาจารย์ของเรา เราเชิดชูครูบาอาจารย์ของเรา เราต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับครูบาอาจารย์ของเรา เราต้องเสียสละสิ ถ้าเราเสียสละ เราเสียสละของเรา เราทำเพื่อของเรา แล้วนี่เสียสละของใครล่ะ? เสียสละของเด็กๆ

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำอย่างนี้เพื่อบุญกุศล เพื่อเราทำงาน เพื่อเชิดชูครูบาอาจารย์ของเรา

เชิดชูครูบาอาจารย์มันเป็นฉากบังหน้า แต่ไอ้ทิฏฐิมานะ ไอ้ความเห็นผิด ไอ้ตามที่ต้องการผลประโยชน์ของตัวมันมีขนาดไหนล่ะ ถ้าเชิดชูตามครูบาอาจารย์ของเรา เราต้องทำด้วยความบริสุทธิ์สิ สิ่งที่ความบริสุทธิ์ สิ่งที่เขามีเจ้าภาพอยู่แล้ว เขามีอะไรอยู่แล้ว เราออกแรงกาย เราทำอย่างนั้นก็ได้ เจ้าภาพเขามีพร้อมอยู่แล้ว เพราะเจ้าภาพเขาพูดเองว่าสิ่งนี้เขาทำเอง แล้วทำไมเอาสิ่งที่เจ้าภาพเขามีอยู่แล้วเอาออกมาเรี่ยไร แล้วเรี่ยไรโดยสิ่งที่น่าเกลียดมาก น่าเกลียดจริงๆ นะ แม้แต่เล่นเส้นลวด เส้นลวดการอ๊อกกันนะ เส้นลวดนี่ก็เอามาเรี่ยไรกันนะ เอามาเรี่ยไรกัน ต้องการความเร่งด่วน ต้องการด่วน

เจ้าภาพจะไม่มีหรือ ทำไมเราประสานงานกันไม่ได้ ทำไมเราทำสิ่งนี้ไม่ได้ คนที่คนต้องการบุญกุศลมีมหาศาลเลย สิ่งที่มีมหาศาลเขาทำเขาจบของเขาใช่ไหม

แต่ถ้าเป็นน้ำใจนะ ๑ สลึง ๑๐ สตางค์ก็แล้วแต่ คนมั่งมีศรีสุข คนทุกข์คนจนไม่สำคัญ สำคัญว่ามีน้ำใจแล้วสละเผื่อแผ่ออกมาเป็นบุญกุศลไหม ถ้าสละเผื่อแผ่ออกมาเป็นบุญกุศล นั่นเป็นน้ำใจของเขา เจตนาอันนี้เป็นกุศลมากนะ เห็นไหม จะมีมากมีมายไม่สำคัญ ไม่ใช่ว่าเขามีเจ้าภาพแล้วเราจะไปปิดกั้นคนที่ว่าเขาอยากจะทำร่วมกุศลไม่ให้เขาทำ

ให้เขาทำ แต่ให้เขาทำด้วยความเป็นไปของเขา นี่ให้เขาทำอย่างไร

ต้องการเร่งด่วน ต้องการพูดออกไปขนาดนั้น มันเป็นการขายครูขายอาจารย์นะ ถ้าเป็นการขายครูขายอาจารย์มันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด น่าเกลียดมาก ในสังคมไหนนะ มีคนดีและคนชั่วปนกันไปทั้งหมด เวลาเราอยู่กับหลวงตามหาบัว มีพวกโยมศรัทธาจากกรุงเทพไป ไปกราบหลวงตามหาบัวนะ

“โอ้โฮ! ศรัทธามาก ศรัทธาพระปฏิบัติสายหลวงปู่มั่นมาก ศรัทธาสุดๆ เลย”

หลวงตามหาบัวท่านพูดอย่างนี้นะ ท่านบอกว่าท่านมั่นใจมากว่าในหมู่คนทุกหมู่คนมีทั้งคนดีและคนชั่ว ถ้ามีคนดีและคนชั่ว ถึงจะเป็นสายอะไรก็ได้ ให้ใช้สายตาให้ดี ท่านเตือนสติเอาไว้เลย เห็นไหม

เขาศรัทธามาก เขาไปพูดกับหลวงตานะว่าศรัทธามาก สายหลวงปู่มั่นนี้ศรัทธามาก หลวงตาพูดกับเขาไว้เลย เพราะอะไร เกิดถ้าเขาศรัทธามาก แล้วเกิดถ้าเขาไปเห็นพฤติกรรมสิ่งที่ว่าเขาผิดไปเป็นผลลบกับใจเขา จิตใจเขาจะตกมาก

แต่ถ้าเราบอกเขาไว้ก่อนว่าในลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ในสังคมไหน สังคมทุกสังคมมันจะเป็นคนดีไปได้ไม่ทั้งหมดหรอก มันจะมีสิ่งนั้นบ้าง แล้วถ้าเรากำลังศรัทธา เรากำลังมีหัวใจ กำลังชุ่มชื่นมากเลย แล้วไปเจอพระองค์ที่เขาทำผิดจากความเห็นของเรา ผิดจากศีลจากธรรม เราจะได้ไม่ต้องหัวใจตกวูบจนเกินไปไง เราจะเข้าใจว่าสังคมมันก็เป็นแบบนั้น แต่สังคมเป็นแบบนั้น มันเป็นแบบนั้นเป็นเรื่องของกิเลสตัณหา ถ้าเราย้อนกลับมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบอกว่า สถาบันไหนล่ะ สถาบันสังฆะ สังฆะนี้เป็นสมมุติสงฆ์ สงฆ์สมมุติสงฆ์ถึงจะเป็นสงฆ์ขึ้นมาใช่ไหม

แต่เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในหัวใจของเรา นี่นางวิสาขาเป็นคฤหัสถ์ ทำไมเป็นพระโสดาบันล่ะ เห็นไหม ถ้าเป็นสงฆ์ขึ้นมาจากหัวใจอันนี้ มันจะเป็นความบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางวิสาขาเคยทำสิ่งใดให้มัวหมองกับศาสนาไหม นางวิสาขาไม่เคยทำสิ่งใดให้มัวหมองกับศาสนาหนึ่ง เวลาภิกษุณีท้องขึ้นมาในขณะที่ว่าบวชแล้วท้องขึ้นมา ตัดสินกันไม่ได้ พระเทวทัตให้สึก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ว่าสิ่งนี้เขาไม่ได้ทำผิดของเขามา แต่เขามีเพศสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ก่อนบวช สิ่งนี้มันตกค้างมา ถ้าบอกอย่างนั้นไปไม่มีหลักฐาน

ตั้งนางวิสาขาเป็นกรรมการตรวจสอบ นางวิสาขานี่เป็นผู้หญิง เข้าไปตรวจสอบภิกษุณีตรวจสอบไปแล้ว นับวันเดือนปีแล้ว ไม่เป็นไร เพราะอะไร เพราะสิ่งนี้บวชเป็นภิกษุณีแล้ว สิ่งนี้มันติดมาอย่างนั้น ในขณะที่เป็นภิกษุณีนี้บริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งหมดเลย ถึงบอกว่าภิกษุณีไม่ต้องสึก

นางวิสาขาเป็นพระโสดาบันนะ สามารถปกป้องชีวิตของเพศพรหมจรรย์ของชีวิตภิกษุณีนั้นได้ ทำแต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะอะไร เพราะเป็นพระในหัวใจไง เป็นพระโสดาบัน ไม่มีอคติ ไม่มีความเห็นผิดไปทางโลก

แต่ถ้ามันยังเป็นความเห็นผิดทางโลก มันเหนี่ยวรั้ง สิ่งที่ว่าใจไปส่งเสริมกลายเป็นหน้าฉาก คำว่าหน้าฉากนะ คือว่าหน้าตาข้างนอกก็ว่ามีเมตตาเคารพครูบาอาจารย์ จะส่งเสริมครูบาอาจารย์ แต่มันเป็นมรรคหยาบๆ เป็นความเห็นอย่างหยาบๆ ทุกคนเห็นว่าอย่างนี้ก็ถูกต้อง เราต้องช่วยกันส่งเสริม แต่หลังฉากของเขา เขาก็ตักตวงผลประโยชน์ตรงนั้นๆ เห็นไหม มันไม่เป็นประโยชน์ ถ้ามันเป็นประโยชน์มันจะเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมด

เวลาครูบาอาจารย์ของเราออกมาไทยช่วยกันไทย เขาสงสัยกันว่าเงินมหาศาลเลย มันจะไม่รั่วไหลบ้างเลยหรือ

เรามั่นใจมาก เพราะเราอยู่กับหลวงตามา ขนาดของท่านมีขนาดไหน ท่านสละ แม้แต่ชีวิตท่านก็สละได้ สิ่งที่ผู้ที่สละชีวิต สละต่างๆ สละจริงๆ นะ สละที่ออกมาแล้วจิตนั้นบริสุทธิ์ เพราะจิตนั้นมันพ้นไป สละอย่างนั้น ไม่ใช่สละแบบเรา แบบนักรบ เห็นไหม ทหารเขาออกรบ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเขาก็สละตายของเขา แต่สละตายในวิกฤตอันนั้นอันหนึ่ง ออกมาแล้วจิตใจเขามีกิเลสอยู่ เขาก็ยังมีความโลภ มีความโกรธ ความหลง เขาก็มีความตัณหา คนที่ออกรบ ออกปกป้องประเทศชาติ เวลาขึ้นมามีอำนาจวาสนา เขาก็ยังโกงกินของเขา

ถ้าสละมันต้องสละความบริสุทธิ์แบบตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ท่ามกลาง และถึงที่สุด แบบครูบาอาจารย์ที่ใจที่เป็นพระแล้วไง ถ้าใจที่เป็นพระแล้วอย่างนี้มันจะเป็นความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นการส่งเสริม เห็นไหม ถ้าใจบริสุทธิ์ขึ้นมาอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่เป็นอคติในหัวใจนั้นไม่มี ความเห็นผิดที่การจะบิดเบือนในการตักตวง การวางเกม การจัดฉาก การต่างๆ มันจะไม่มี สิ่งที่ไม่มีนะ แต่ถ้าความผิดพลาดนั้นมันเป็นเรื่องของกรรม

ความผิดพลาดหมายถึงว่าความบกพร่องของผู้อื่น ผู้ที่กระบวนการทำงานนั้น เพราะทำงานคนเดียวไม่ได้ บุคคลทำงานเป็นคนเดียวไม่ได้ ต้องทำเป็นทีมงาน เป็นทีมงานอันนั้นมาความบกพร่องอันนั้น อันนั้นเป็นเรื่องของความสุดวิสัย เป็นเรื่องของกรรม คือว่าคำว่า “เรื่องของกรรม” คือเรื่องสิ่งที่ว่ามันเหนือสุดวิสัยที่จะควบคุม สิ่งควบคุมอันนั้นเป็นเรื่องของกรรม

แต่ถ้าเป็นความทุจริตของใจของผู้ที่เป็นสังฆะโดยสมบูรณ์ เป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นไปได้ เขาจะเป็นสังฆะไม่ได้ ถ้าเขาเป็นสังฆะขึ้นมาแล้ว สีลัพพตปรามาสไม่ลูบคลำในศีลนั้น ศีลนั้นจะลูบคลำไม่ได้ สิ่งนั้นจะเป็นความปกติของใจดวงนั้น แล้วถ้ามันผิดไม่ได้ เป็นอฐานะ คือผิดไม่ได้ เหมือนแร่ธาตุหนึ่งจะแปรปรวนไปให้เป็นแร่ธาตุอย่างอื่น เป็นไปไม่ได้ จิตนี้มันไม่สีลัพพตปรามาส ไม่ทำความผิดอันนั้น แล้วมันจะเป็นความทุจริตในหัวใจ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นอฐานะ แต่ถ้าสภาวกรรมจากข้างนอกนั้นเป็นเรื่องของความสุดวิสัย

แต่ถ้าผู้ที่ว่าเป็นสมมุติสงฆ์สิ เป็นสมมุติอยู่เพราะใจนี้ยังสกปกโสมมอยู่ มันวางเกมไง มันเอาครูบาอาจารย์มาเป็นสินค้าไง สิ่งที่มาเป็นสินค้านี้มันทำลายหมู่คณะไง ทำไมต้องเป็นแบบนั้นล่ะ ในเมื่อของขนาดนี้มันทำกันไม่ได้ แล้วทำไมมันเป็นไปไม่ได้อย่างไรว่าทำไมครูบาอาจารย์เราประพฤติปฏิบัติมาขนาดนี้ สิ่งที่ส่งเสริม สิ่งที่ช่วยเหลือ นี่พูดถึงเจตนานะ ถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง เราควรส่งเสริม เราช่วยทำกัน มันควรฉกฉวยโอกาสด้วยนะ คนว่าทางโลกฉวยโอกาสนี้เป็นสิ่งที่ว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกลียด

แต่นี้เรื่องของสรีระ เรื่องของวันเดือนปี เรื่องของเวลามันผ่านไป คำว่า “ฉวยโอกาส” ต้องรีบฉวยโอกาสเพราะว่าอะไร เพราะถ้าสิ้นสุดกระบวนการการจัดงานศพที่นี่สิ้นแล้ว เราก็จะไม่มีโอกาสทำบุญกับพระอรหันต์องค์หนึ่งนะ พระอรหันต์องค์หนึ่งตายไป พระอรหันต์องค์หนึ่งกำลังจะเผาศพนี้ แล้วเราทำประโยชน์เพื่อเรา แล้วเราไปทำบุญกับสิ่งนี้ ทำไมมันจะไม่ได้ประโยชน์ล่ะ

มันจะได้ประโยชน์มหาศาล แต่เราทำบุญกับครูบาอาจารย์ของเรา เราทำบุญกันให้มันถูกต้อง ถ้าจะโอนเงินก็โอนเงินให้วัดป่าภูริทัตตะฯ เพราะบัญชีนั้นเป็นบัญชีของวัด นี้ไปเปิดบัญชีซ้อน ซ้อน ซ้อนกัน แล้วก็ชื่อบัญชีก็บอกชื่อของตัวเอง บอกชื่อของตัวเอง มันเป็นการประกาศขายความผิดของตัวเองนะ มีสิทธิอะไร ทำไมไปเอางานศพของครูบาอาจารย์มาเปิดบัญชีของตัว แล้วให้โอนเงินเข้าบัญชีของตัว มันมีสิทธิอะไร

มันไม่ควรมีสิทธิ ไม่ควรทำอย่างนี้ได้ เห็นไหม นี่วัดค่าของใจ ถ้ามีค่าของใจ ทำอย่างนี้ไม่ได้หรอก ทำไม่ลง ถ้าคนมีธรรมในหัวใจทำไม่ลงเด็ดขาดเลย แต่ถ้ามันทำลงอย่างนี้ ค่าของมัน ใจของมัน เป็นอย่างไร ถ้าใจของมันเป็นอย่างนั้น เราถึงย้อนกลับมา เห็นไหม

นี่สังฆะอยู่ที่ใจ สงฆ์โดยสมมุติ เห็นว่าห่มผ้าเหลืองนี่เป็นสงฆ์...ใช่ เป็นสงฆ์

หลวงตาท่านบอกแล้วว่าสายหลวงปู่มั่นมีดีก็มี ชั่วก็มี ให้เราระวัง ให้เราพิจารณาของเราเอง เราต้องพินิจพิจารณาของเราว่าสิ่งใดสมควร เอาธรรมวินัยมาเปรียบเทียบ หลวงตามหาบัวท่านไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ท่านเป็นมหานะ เวลาหลวงปู่มั่นท่านสอนขึ้นมา หลวงตาท่านก็รับฟังไว้หูหนึ่ง แล้วท่านก็ไปเปิดพระไตรปิฎก เหมือนกัน ไม่มีการคาดเคลื่อนกันแม้แต่นิดเดียว เพราะอะไร เพราะมันต้องตรวจสอบกันด้วยธรรมวินัยไง ถ้าธรรมวินัยเข้าไปตรวจสอบกับใจดวงนั้น กับการกระทำอย่างนั้น สิ่งนั้นมันเป็นความสะอาดบริสุทธิ์จริงไหม สิ่งนั้นมันเป็นความจริงไหม นี่ธรรมวินัยนะ ธรรมวินัยคือสิ่งที่ว่ามันเป็นสิ่งที่กฎระเบียบที่เข้าไปจับ

แต่ธรรม เวลาที่ว่ากิเลสขาดจากใจ ธรรมสิ่งที่บริสุทธิ์ เราจะเอาอะไรไปจับล่ะ มันถึงต้องมีครูบาอาจารย์ที่เหนือกว่า พอเหนือกว่า ผู้ที่สูงกว่าจะเห็นผู้ที่ต่ำกว่า นี่เวลามันชำระกิเลส มันปล่อยวางเข้ามาอย่างไร มันสมุจเฉทอย่างไร มันขาดอย่างไร ถ้ามันปล่อยวางขาดแล้ว อันนั้นเป็นที่ไว้วางใจได้ ถ้ามันยังไม่ปล่อยออกมา มันวางเฉยๆ แต่มันเป็นตทังคปหาน มันปล่อยวางโดยกำลังของสมาธิ โดยกำลังของความเห็นของเรา สิ่งนี้ยังไว้ใจไม่ได้

เพราะไว้ใจไม่ได้ ถ้ามันพลิกกลับขึ้นมาแล้วมันจะมีความรุนแรงอีกมหาศาลเลย สิ่งที่ไว้ใจไม่ได้ เห็นไหม ธรรมอันนี้ใครจะเป็นผู้ชี้นำล่ะ? มันก็ธรรมจากใจของครูบาอาจารย์ของเรา เราถึงต้องมีที่พึ่งไง เราถึงพึ่งหัวหน้า นี่ครูบาอาจารย์สั่งมาให้ทำงานอย่างนั้นๆ เราก็ต้องทำ ทำเพราะอะไร เพราะเราเชื่อความเห็นตรงอันนั้นไง เราเชื่อความเห็นของครูบาอาจารย์ของเราว่าต้องเห็นอนาคต เห็นความเป็นไปว่ามันจะเป็นสภาวะแบบใด มันจะมีเหตุผลเข้ามาทำลาย ทำลายหมู่คณะ ทำลายศรัทธา ทำลายวิกฤต ทำลายความเชื่อถือของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ

ถ้าเราไม่มีศรัทธาและความเชื่อ เราจะทำทานไหม ถ้าเราไม่มีศรัทธาและความเชื่อ เราจะรักษาศีลไหม เราจะประพฤติปฏิบัติไหม แล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จรรโลงหัวใจของสัตว์โลก แล้วเราไปทำลายสิ่งที่ว่าเป็นต้น เป็นหัวขบวนจักรของสัตว์โลกที่จะดึงหัวใจของสัตว์โลกออกมาพ้นจากทุกข์ไง

หัวใจของเขาทุกข์อยู่แล้ว เขาต้องการพ้นจากทุกข์ เขาต้องการผู้ชี้นำ แล้วจะไปทำลายความเชื่อถือของเขาให้เขาถอยร่นกลับไปอยู่ในกองมูตรกองคูถอย่างเก่าอย่างนั้น นี่ใครทำลายตรงนี้ล่ะ ใครทำลายความเชื่อถือ ทำลายศรัทธาของสัตว์โลกล่ะ ทำลายหัวใจของสัตว์โลก นี่มันถึงว่าเราเชื่อใจของครูบาอาจารย์เรา ท่านห่วงประเด็นนี้ ท่านห่วงตรงนี้ ท่านถึงบอกว่าให้ตรวจสอบ ให้ดูแล

เวลาหลวงตาท่านพูดกับพวกพระผู้ที่ทำงานนะ “หมู่คณะให้จำไว้นะ ให้สามัคคีกัน ให้รักกัน ให้ช่วยกันปกป้องศาสนา”

เราจะทำอย่างนั้น เราจะช่วยกันดูแล ถ้าช่วยดูแล เดี๋ยวช่วยกันดูแลแล้วตรวจสอบมา เป็นอย่างไรแล้ว เดี๋ยวเราจัดการแล้วจะส่งขึ้นไปที่บ้านตาด เอวัง